ถึงแม้จะมีสมุนไพรมากมายบนโลก ที่คอยให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายของเราให้แข็งแรงอยู่เสมอ แต่สำหรับ น้ำมันกัญชา นี้ อาจแตกต่างจากสมุนไพรอื่น ๆ เนื่องด้วยเป็นการสกัดที่มาจากต้นกัญชา ซึ่งถูกจัดเป็นสารเสพติดอีกชนิด ตามผู้ควบคุมทางกฎหมายของสำนักงานปราบปรามยาเสพติดในประเทศสหรัฐอเมริกา (Drug Enforcement Administration ; DEA) ได้ระบุไว้
อย่างไรก็ตามขณะนี้ ยังไม่มีการอนุญาตให้ครอบครอง หรือทำการซื้อ-ขายตามกฎหมายของรัฐบาลกลางได้ รวมทั้งยังไม่มีการอนุมัติจากองค์การอาหาร และยาของสหรัฐอเมริกา (US Food and Drug Administration ; FDA) ที่นำน้ำมันกัญชาสำหรับใช้การแพทย์ แต่ในบางประเทศนั้นทางรัฐก็ได้มีการอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อรักษาในทางการแพทย์ต่อสภาวะของโรคบางอย่าง ที่ถูกต้องภายใต้กฏหมาย และข้อบังคับของแต่ละรัฐ
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องมีการพิสูจน์ ทดสอบ วิจัย ถึงการใช้น้ำมันกัญชาต่อไป แต่จะสามารถช่วยในการรักษา โรคมะเร็ง ได้หรือไม่ นั้น ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ยังคงเป็นข้อถกเถียงอย่างกันกว้างขวางในวงการแพทย์ และทีมวิจัย ถึงการใช้น้ำมันกัญชา รักษาโรคมะเร็ง ดังนั้น สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (National Cancer Institute; NCI) ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้ทบทวนในการศึกษาคลายข้อสงสัยนี้กันอีกครั้ง ในการวิจัยครั้งนี้พบว่ากัญชามีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเซลล์มะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ผู้ใช้ลดความเสี่ยงของการเกิดพัฒนาป่วยเป็นโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะไปได้ถึงร้อยละ 45
อ้างอิงจากการศึกษาในปี 2562 นักวิจัยตั้งสมมติฐานจากการทดลองขึ้นโดยมุ่งเน้นไปที่มะเร็งตับอ่อน พบว่าการใช้กัญชาอาจนำพาสารเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งหลายชนิด ทั้งนี้ยังคงต้องรอทำการพิสูจน์ให้ได้อย่างแน่ชัด พร้อมทั้งปรับประสิทธิภาพตัวยาเพื่อนำมารักษาผู้ป่วยต่อไป
ซึ่งถ้าหากอยู่ในรูปแบบของน้ำมันกัญชาที่ผ่านกระบวนการสกัดตามขั้นตอน และผ่านการรับรองจากรัฐแล้ว อาจให้ประโยชน์กับทางการแพทย์ในการนำมารักษาสภาพของโรคได้ แต่ถ้าหากละเมิดข้อบังคับนำมาใช้ในเชิงสูดดมจนเกิดการติดอย่างหนัก ก็อาจส่งผลให้ร่างกายของคุณทรุดลงกว่าเดิม อีกทั้งยังทำลายระบบประสาท และระบบการทำงานของอวัยวะอื่น ๆ ภายในอีกด้วย
อย่างไรก็ดีในบางการศึกษานั้น กลับมองว่าน้ำมันกัญชา อาจแค่ช่วยเพียงในการลดผลข้างเคียงจากการที่ผู้ป่วยผ่านการทำเคมีบำบัด ฉายรังสีกำจัดเซลล์มะเร็งเพียงเท่านั้น เพราะหลังจากที่เข้ารับการรักษาด้วยขั้นตอนนี้ อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร และเกิดความวิตกกังวลเพิ่มเติม การนำน้ำมันกัญชามาเป็นอีกตัวช่วยหนึ่ง อาจทำให้ผู้ที่ผ่านการรักษาด้วยการฉายรังสีบรรเทาอาการเหล่านี้ลงไปได้ โดยไม่รู้สึกทรมานมากนัก
สำหรับการใช้งานจากน้ำมันกัญชา เพื่อนำมารักษาโรคมะเร็ง ยังคงต้องมีการดำเนินการวิเคราะห์ และทดลองต่อไป หรือควรเข้าขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึงการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีที่เหมาะสม
ถึงแม้จะมีงานวิจัยในเชิงมุมมองหลายด้าน ออกมามากมาย แต่ก็มิได้หมายความว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกคนจะหายขาดจากการใช้น้ำมันกัญชานี้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ ผู้ป่วย และคนรอบข้าง โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำของทางแพทย์ในระหว่างที่ได้รับการรักษาอย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดี