การจ่ายค่านายหน้าในการรับฝากขายบ้าน

สิ่งสำคัญในการรับฝากขายบ้านผ่านนายหน้าก็คือ ต้องทำการเลือกนายหน้าหรือโบรกเกอร์เจ้าที่ไว้วางใจได้ มีความเป็นมืออาชีพมีประสบการณ์การทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์มาเป็นอย่างดี สามารถให้คำปรึกษา คำแนะนำ ติดต่อสื่อสารได้ง่าย มีฐานข้อมูลลูกค้าสามารถโฆษณาประชาสัมพันธ์ขายบ้านได้หลากหลายช่องทางมี ทักษะในการพูดที่ดี มีบริการครบวงจรจัดการทุกขั้นตอนได้

อัตราและเงื่อนไขค่านายหน้ารับฝากขายบ้าน

โดยทั่วไปแล้วอัตราค่านายหน้าอสังหาริมทรัพย์รับฝากขายบ้าน มาตรฐาน ตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันโดยทั่วไปในประเทศไทยจะคิดค่านายหน้า 3% ของราคาขาย โดยต้องจ่ายเมื่อมีการโอนกรรมสิทธ์ สำหรับการรับฝากขายกับนายหน้าที่เป็นทางการ เช่นบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์มีชื่อเสียง และเป็นรายใหญ่ๆ จะมีเงื่อนไขปลีกย่อยในการคิดค่านายหน้าเพิ่มขึ้นด้วย

ในสัญญามาตรฐานรับฝากขายบ้านที่ใช้กัน ก็คือกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมกรณีนายหน้าสามารถหาผู้ซื้อให้เข้ามาทำสัญญาซื้อได้ภายใน 3 เดือน นับแต่วันทำสัญญาแต่งตั้งตัวแทน ผู้ขายจะต้องจ่ายค่าบำเหน็จหรือค่านายหน้าให้แก่ตัวแทนในอัตรา 4% ของราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ขายได้ โดยคิดอัตราขั้นต่ำ 40,000 บาท ในกรณีที่อสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อขายราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท

อัตราปกติของค่านายหน้ารับฝากขายบ้าน

แต่หากผู้จะซื้อเข้าทำสัญญาภายหลัง 3 เดือนไปแล้ว ค่านายหน้าที่ต้องจ่ายให้กับตัวแทนรับฝากขายบ้าน จะจ่ายในอัตราปกติคือ 3% ของราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ขายได้ ขั้นต่ำ 30,000 บาทแทน ซึ่งค่านายหน้านี้ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ผู้จะขายจะต้องชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โดยทำเป็นแคชเชียร์เช็ค สั่งจ่ายในนามบริษัทตัวแทนที่ปรากฏในสัญญา

และในกรณีของการเป็นนายหน้าหาผู้เช่า เมื่อนายหน้าติดต่อหาผู้เช่าให้ได้แล้ว จะต้องจ่ายค่าบำเหน็จหรือค่านายหน้าให้กับตัวแทนในอัตรา ค่าเช่า 1 เดือน ต่อสัญญาเช่า 1 ปี ค่าเช่า 1.5 เดือนต่อสัญญาเช่า 2 ปี และ 2 เดือนต่อสัญญาเช่า 3 ปี โดยจะต้องชำระให้ในทันทีที่ทำสัญญาเช่า ซึ่งค่านายหน้าของบริษัทนายหน้ารับฝากขายบ้านจะสอดคล้องกับอัตราค่านายหน้าในต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับประเภทอสังหาริมทรัพย์ว่าขายได้ง่ายหรือยากมากน้อยเพียงใด ส่วนค่านายหน้าสัญญาเช่าก็อยู่ในอัตราใกล้เคียงกัน

การคิดออกแบบ รูปแบบการทำธุรกิจ ก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจให้สำเร็จ

ปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นเมืองไทยหรือในเมืองนอกเองนั้นก็กำลังจะมีเรื่องเกี่ยวกับการปรับปรุงด้านเทคโนโลยีรวมทั้งอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างเร็วเนื่องจากมาจากขณะนี้เองเรื่องของความปรารถนาของมนุษย์นั้นเริ่มจะมีสิ่งที่จำเป็นสิ่งที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจหรือการใช้ชีวิตประจำวันที่ได้มีการยังอยู่ขณะนี้แล้วก็สิ่งที่มาช่วยอำนวยความสะดวกเวลานี้เป็นอย่างชัดเจนเป็นเรื่องของการใช้อินเทอร์เน็ตที่มีความสำคัญจำต้องใช้กันทุกคน

อินเทอร์เน็ต เป็นเทคโนโลยีที่ได้มีการปรับปรุงขึ้นมาในตอนแรกนั้นเพื่อใช้เพื่อการติดต่อสื่อสารที่จะสามารถส่งข้อมูลเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หรือการส่งจดหมายผ่านทางวิถีทางอินเทอร์เน็ตที่ใช้ติดต่อกันได้ทั่วโลก ซึ่งในขณะนี้เองก็ได้มีการปรับใช้อินเทอร์เน็ตนี้ให้สามารถที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิตทั่วๆไปหรือแนวทางการทำธุรกิจต่างๆเองก็ได้มีการนำอินเทอร์เน็ตและก็เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาช่วยทำให้การทำงานดำรงชีวิตและก็กระบวนการทำธุรกิจมีความสบายมากยิ่งกว่าเดิม โดยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจเองก็ได้มีการเปลี่ยนแปลง รูปแบบการทำธุรกิจ ให้สามารถที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วยสำหรับในการทำธุรกิจให้สามารถที่จะสร้างจังหวะสำหรับเพื่อการเพิ่มรายได้ให้เข้ามาสำหรับการทำธุรกิจได้มากกว่าเดิม และก็ในเรื่องของ รูปแบบการทำธุรกิจ ที่ได้มีการนมาใช้เป็นวิถีทางนี้เองก็เป็นสิ่งที่ทำให้นักธุรกิจที่มีความต้องการจะสร้างธุรกิจของตนเองขึ้นมาที่ต้องการจะให้มีรายได้เพิ่มเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหรือธุรกิจที่ได้มีการดำเนินกิจการอยู่แล้วและก็มีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงต้นแบบธุรกิจจากแบบเดิมให้ได้โอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆกว่าเดิม ซึ่งจากการที่ได้มีอินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นตัวช่วยสำหรับเพื่อการทำธุรกิจนี้เอง ก็เป็น รูปแบบการทำธุรกิจ ที่ผู้คนต่างก็มีการใช้บริการกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุว่าเพราะในเวลาในช่วงเวลานี้คนทุกคนมีความสำคัญที่จะจำเป็นต้องใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่ว่าจะคือการใช้ส่วนตัวหรือแนวทางการทำธุรกิจต่างๆก็สามารถที่จะใช้งานอินเทอร์เน็ตนี้เองมาช่วยทำให้สบายมากขึ้นกว่าเดิม

จากการที่ได้มีอินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วยสำหรับในการทำธุรกิจนี้เองก็เป็นอีกสาเหตุของต้นสายปลายเหตุการเคลื่อนไหวของระบบเศรษฐกิจรวมทั้งการตลาดที่ส่งผลต่อวิธีการทำธุรกิจที่เกิดขึ้นมาจากความอยากของมนุษย์ที่อยากได้สิ่งที่มีความต้องการเพื่อจะประยุกต์ใช้และก็กำลังในการผลิตของผลิตภัณฑ์, ราคาของผลิตภัณฑ์เองก็มีความเกี่ยวข้องที่ส่งผลทำให้ระบบเศรษฐกิจในทุกวันนี้นั้นมีการเปลี่ยนจากเดิมเป็นอย่างมากโดยเหตุนี้แล้วการที่จะเริ่มทำธุรกิจเองก็จำเป็นจะต้องมีการติดตามศึกษาเล่าเรียนผลของการขยับเขยื้อนของระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้นให้ดีด้วย

 

การเลือกใช้บัวโพลียูรีเทนให้เหมาะกับสิ่งแวดล้อม

โพลียูรีเทน ผลิตขึ้นครั้งแรกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อใช้ทดแทนยางธรรมชาติ และยังใช้ในการผลิตกระดาษ การผลิตก๊าซมัสตาร์ด ผ้าที่มีความทนทาน เคลือบผิวเครื่องบิน เคลือบโลหะ ไม้ และอิฐ เพื่อป้องกันการกัดกร่อนและสารเคมี จนในปัจจุบันเรานำโพลียูรีเทน มาทำสินค้าตกแต่งบ้าน เช่น บัวโพลียูรีเทน ผนัง หรือพื้น เพื่อความสวยงาม

โพลียูรีเทนผลิตจากปฏิกิริยาของโพลีออลกับไดไอโซไซยาเนตหรือโพลีเมอริก ไอโซไซยาเนต โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยาที่เหมาะสม โพลียูรีเทนส่วนใหญ่เป็นพลาสติกชนิดเทอร์โมเซ็ต คือ ไม่สามารถหลอมเหลวและขึ้นรูปใหม่ได้ ซึ่งผลิตออกมาหลายรูปแบบได้แก่ เป็นโฟมยืดหยุ่น โฟมแข็ง สารเคลือบป้องกันสารเคมี กาว สารผนึก และอีลาสโตเมอร์

ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคที่ทำจากโพลียูรีเทนได้แก่ ในกลุ่มเครื่องแต่งกาย โพลียูรีเทนได้รับการปรับปรุงและพัฒนาเป็นเส้นใยสแปนเด็ก (spandex fiber) ที่มีความทนทานและยืดหยุ่นได้ดี เป็นวัสดุใส่ในหมอน ที่นอน และเบาะนั่งรถยนต์ จนไปถึง บัวโพลียูรีเทน โฟมกันกระแทกในกล่องบรรจุภัณฑ์ วัสดุประกอบไม้-พลาสติก กาวและสารผนึกต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังใช้ทำอุปกรณ์ทางการแพทย์ การทำเรือ และอิเล็กทรอนิกส์

ขอควรระวังสำหรับโพลียูรีเทนที่ติดไฟได้ง่ายและรวดเร็วมาก และเมื่อไหม้แล้วจะให้ความร้อน และควันหนาแน่นมาก ที่สำคัญคือให้ก๊าซพิษออกมาด้วยได้แก่ ไดออกซิน ไอโซไซยาไนด์ ไฮโดรเจนไซยาไนด์ และคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น แต่ในปัจจุบันได้นำมาพัฒนาใหม่ให้เหมาะกับสภาพสิ่งแวดล้อมมากขึ้น http://www.thaicornice.com/